5/19/2554

วีตกราส (ต้นข้าวสาลีอ่อน) เป็นแหล่งคลอโรฟิลที่สมบูรณ์ที่สุด

คลอโรฟิลที่ได้จากการคั้นน้ำจากต้นข้าวสาลีอ่อนจะมีปริมาณสูงถึง 70% นายแพทย์ ยอร์จ โคลเล่อ ได้บรรยายต่อที่ประชุม วิชาการแพทย์ว่าในอนาคตมนุษย์เราจะพยายามขวนขวายหาพลังสุริยะ จากพืชเพื่อนำมาฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย 


น้ำคั้นจากต้นข้าวสาลี อุดมไปด้วยสารคลอโรฟิลสดๆ และสามารถนำมาดื่มได้อย่างปลอดภัย หรืออาจนำไปรับประทานในรูปอื่น ๆ โดยไม่ต้องกังวล ว่าจะมีผลร้ายต่อร่างกาย กล่าวกันว่า คลอโรฟิล เปรียบเสมือนเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตต้นพืช โมเลกุลของคลอโรฟิลมีความคล้ายคลึง กับโมเลกุลของเม็ดเลือดแดงของมนุษย์ คลอโรฟิล เป็นต้นกำเนิดของชีวิตพืชทั้งมวล 

คลอโรฟิล เป็นน้ำหล่อเลี้ยงที่เปี่ยมไปด้วยพลังสุริยะ 

คลอโรฟิล เป็นยาขนานวิเศษที่ธรรมชาติประทานให้มาเพื่อช่วยบำบัดอาการผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ทั้งภายใน และภายนอก 

คลอโรฟิล ให้ความอยู่รอดแก่ชีวิต เนื่องจากให้สารอาหารที่ เปี่ยมด้วยพลังแก่ร่างกายโดยที่ร่างกายไม่จำเป็นต้องสูญเสียพลังงานในการรับ สารอาหารวิเศษนี้มา 

คลอโรฟิล ดูดซับพลังงานจากแสงอาทิตย์เพื่อนำมาสร้างน้ำตาล แป้งและโปรตีน 

วงการวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า คลอโรฟิล ไม่เพียงแต่ไปหยุดยั้งการเจริญเติบโตระงับการแพร่ของเชื้อแบคทีเรียเท่านั้นแต่ยังมีโครงสร้างที่คล้ายคลึงกับเม็ดเลือดแดงในร่างกายมนุษย์อีกด้วย 

จากการศึกษาทดลองที่ได้ทำขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1911 ได้พบว่าคลอโรฟิลมีสูตรโครงสร้างทางเคมีคล้ายคลึงกับโครงสร้างของฮีโมโกลบินที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง สิ่งที่แตกต่างกัน เพียงอย่างเดียวก็คืออะตอมของธาตุที่ประกอบเป็นสารฮีโมโกลบิน นั้นคือธาตุเหล็ก ส่วนในคลอโรฟิล นั้นเป็นธาตุแมกนีเซียม 

โมเลกุลของฮิมินในเม็ดเลือดแดง โมเลกุลของคลอโรฟิล 

คลอโรฟิลจากวีตกราส (ต้นข้าวสาลี) ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงจากการศึกษาทดลองในสัตว์ทดลองหลายชนิด ได้พบว่า คลอโรฟิล ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ ต่อ ร่างกายมนุษย์ทั้งสิ้น เมื่อรับประทานคลอโรฟิลเข้าไปเพียง 4-5 วันติดต่อกัน ปริมาณเม็ดเลือดแดงที่สูญเสียไปจะกลับคืนสู่ระดับปกติ หรือ แม้แต่ในสัตว์ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีอาการของโลหิตจาง หรือมีปริมาณเม็ดเลือดแดงต่ำกว่าปกติ 

ในการทดลองในห้องทดลองที่ได้ทำกันอย่างกว้างขวางได้ชี้ให้เห็นว่าเมื่อร่างกายได้รับสารคลอโรฟิลเข้าไป การทำงานของเซลล์เนื้อเยื่อ และการฟื้นคืนสภาพของเซลล์ จะเป็นไปอย่างแข็งขันและเร็วขึ้น 

คลอโรฟิลไม่ว่าจะอยู่ในรูปของน้ำคั้นชนิดขี้ผึ้งหรือผงจะมีสรรพคุณอย่างน่าทึ่งในการใช้รักษาแผลติดเชื้อเรื้อรังหรือแผลพุพองโดยจะออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโต และการแพร่ขยายของเชื้อแบคทีเรียทันที 

คลอโรฟิล (ที่ได้จากต้นข้าวสาลี) จะก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย มากกว่าที่จะออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียโดยตรง 

น้ำคั้นคลอโรฟิล ได้มาจากพืชหลายชนิดด้วยกัน แต่น้ำที่คั้นจากวีตกราสได้รับความนิยมมากกว่าพืชชนิดอื่นๆ เพราะว่าให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า 

คลอโรฟิล รักษาอาการป่วยเรื้อรังต่างๆ อย่างได้ผล 

คลอโรฟิล ถูกดูดซึมเข้าไปในเซลล์เม็ดเลือดได้ทันที 

น้ำคั้นคลอโรฟิลจะซึมผ่านเข้าไปในเนื้อเยื่อช่วยฟอกเลือดให้บริสุทธิ์และช่วยฟื้นฟูเซลล์ให้กลับสู่สภาพปกติสมบูรณ์ได้อย่างรวดเร็ว 

น้ำคั้นคลอโรฟิล จะช่วยชำระล้างสารของยาที่ตกค้างอยู่ในร่างกายออก 

คลอโรฟิล ช่วยต้านฤทธิ์สารพิษที่รับประทานเข้าไปในร่างกาย คลอโรฟิล ช่วยชำระล้างตับให้ปราศจากพิษ และทำให้ตับทำงานได้อย่างแข็งขันตามปกติ 

คลอโรฟิล ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น 

ดร.ซิว นันไล แห่งศูนย์ระบบมะเร็งในมหาวิทยาลัยเท็กซัสได้ทดลองพบว่าคลอโรฟิลซึ่งเป็นสารสำคัญในน้ำคลอโรฟิลคั้นจาก ต้นข้าวสาลีอ่อนจะช่วยต้านฤทธิ์ของสารก่อมะเร็ง 

ในปี ค.ศ. 1940 น.พ.เบนจามิน กรัสคิม ได้เขียนยกย่องสรรพคุณของวีตกาสไว้ในวารสารศัลกรรมศาสตร์ของอเมริกันว่ามีคุณสมบัติทางฆ่าเชื้อโรคและมีคุณประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายในการรักษาอาการต่างๆ เช่น ระงับกลิ่นตัว ต่อต้านอาการติดเชื้อต่างๆ ที่เกิดจากเชื้อสเตรปโตคอคคัส รักษาแผลรวมทั้งไปสมานแผลให้หาย เป็นปกติเร็วขึ้น 

คลอโรฟิลใช้รักษาอาการโพรงจมูกอักเสบเรื้อรัง และรักษามะเร็งส่วนขา ลดอาการโป่งพองของเส้นเลือดดำ รักษาอาการอักเสบเรื้อรังและอาการติดเชื้อในช่องหูส่วนใน ใช้ในการรักษาแผลพุพองและตุ่มต่างๆ บริเวณทวารหนัก อาการติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด ลดอาการของไข้ไทฟอยด์ และรักษาโรคเหงือกอักเสบในระยะลุกลาม 

โภชนากรเบอร์นาร์ด แจนเซ่น ได้ยกย่องสรรพคุณของคลอโรฟิลว่าสารช่วยย่อยในคลอโรฟิลเป็นตัวนำแม่เหล็กและประจุไฟฟ้า ทำให้ดูดซึมเข้าไปในร่างกายได้รวดเร็ว และร่างกายแทบจะไม่ต้องสูญเสียพลังงานใด ๆ ในการนี้เลย ขณะที่ตามปกติร่างกายจะต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ ในการย่อยอาหารแข็งซึ่งใช้พลังงานไปใม่ใช่น้อยทีเดียว

ต้นกล้าข้าวสาลีอ่อน หรือวีตกราส คืออะไร

วีต กราส คือ ธัญพืช จำพวก ข้าวสาลี ซึ่งเป็นอาหารที่มีกาก และมีใยสูง และยังอุดมไปด้วยไวตามินและเกลือแร่อย่างเต็มเปี่ยม จึงเป็นอาหารที่เหมาะสมกับมนุษย์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับสุขศึกษา หรือผู้ที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการรับประทานอาหารประเภทมังสวิรัติ จะเข้าใจได้ดีว่ามนุษย์อยู่ได้ด้วยการรับประทานพืชผักอย่างเดียวได้ โดยไม่ต้องพึ่งอาหาร จำพวกเนื้อสัตว์แต่อย่างใด 


วีต กราส เป็นอาหารที่มีใยอาหาร และคลอโรฟิลสูง 

ใยอาหาร เป็นส่วนของผนังพืช ซึ่งแม้จะผ่านขบวนการหุงต้มแล้วก็ตาม น้ำย่อยในลำไส้ของมนุษย์ก็ยังไม่สามารถย่อยได้ เหมือนกับส่วนอื่นของพืชที่ใช้รับประทานเป็นอาหาร 

อาหารที่มีใยอาหารเป็นส่วนประกอบนั้นส่วนใหญ่ ได้แก่ ผัก ผลไม้ต่างๆ และข้าวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วีต กราส (ต้นข้าวสาลี) อาหารที่มีส่วนประกอบของใยอาหารนั้น จะมีสารคาร์โบไฮเดรต ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญตัวหนึ่งในการให้พลังงาน และความร้อน แก่ร่างกายของมนุษย์เรา 

ใยอาหาร มีลักษณะเป็นกากมากและผ่านกระเพาะอาหารได้ช้า เมื่อรับประทานอาหารที่มีใยอาหารแล้จึงทำให้อิ่มได้นาน เมื่ออยู่ในทางเดินอาหารนานจึงสามารถอุ้งน้ำไว้ในลำไส้ได้เป็นจำนาวมาก จึงเป็นการเพิ่มปริมาณอุจจาระในลำไส้ ช่วยกระต้นให้มีการถ่ายอุจจาระ อย่างสม่ำเสมอ เพราฉะนั้นโอกาสที่สารพิษต่างๆ จะสัมผัสกับผนังลำไส้ก็จะน้อยลง 

เมื่อเป็นเช่นนั้นเราจะเห็นได้ว่า กลุ่มคนโดยเฉพาะชาวตะวันตกหลาย ๆ ประเทศ ที่มีรูปแบบการรับประทานอาหารที่มีใยอาหารน้อยจึงมักจะมีโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะโภชนาการเกิดขึ้นในอัตราสูงได้แก่ โรคอ้วน โรคไขมันในเลือดสูง หลอดเลือดแดงแข็ง เบาหวาน นิ่วในถุงน้ำดี ความดันโลหิตสูง เป็นต้น และโรคที่เกี่ยวข้องกับอาการท้องผูกเป็นประจำ เช่น โรคริดสีดวงทวาร และโรคขาดไวตามินต่างๆ 

จากผลการวิจัยต่าง ๆ ผู้ที่รับประทานอาหารประเภทที่มีเส้นใยสูงตลอดเวลา นะไม่มีปัญหาเรื่อง คลอเลสเตอรอลในเลือดสูงและในผู้ป่วยที่มีคลอเลสเตอรอลสูง เมื่อได้กำหนดให้รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง ปรากฏว่า ปริมาณของคลอเลสเตอรอลในเลือดลดต่ำลง และจากผลของการทดลองสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน เมื่อรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ที่มีเส้นใยสูง จะทำให้ร่างกายสามารถใช้น้ำตาลได้ดีขึ้นด้วย 

ดังนั้น ผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานที่อ้วน และมีคลอเลสเตอรอลสูง จึงควรลดอาหารประเภทไขมัน รับประทานอาหารปะเภทที่ให้คาร์โบไฮเดรตชนิดที่มีใยอาหารสูงทดแทน หรืออาหารประเภทผัก ผลไม้ ข้าว เป็นต้น

คุณสมบัติที่น่าสนใจของ Wheatgrass (ต้นกล้าข้าวสาลีอ่อน)

  • Wheatgrass เป็นพืชที่มี คลอโรฟิลล์ถึง 70 % คลอโรฟิลล์ เป็นสาระสำคัญ ของพืชทุกชนิด คลอโรฟิลล์ เป็นสารองค์ประกอบพื้นฐานของพืชที่สังเคราะห์ขึ้นจากแสงสว่าง และสามารถ สะสมพลังจากแสงมากกว่าสารประกอบตัวอื่น ๆ 
  • น้ำคั้น Wheatgrass ซึ่งมี คลอโรฟิลล์สด ๆ สามารถนำมาดื่ม หรือ เป็นน้ำ Detox ได้โดยไม่มีผลเสียใด ๆ 
  • น้ำคั้น Wheatgrass อุดมไปด้วยออกซิเจน ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง 
  • คลอโรฟิลล์ มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น 
  • น้ำคั้น Wheatgrass ดูดซึมผนังลำไส้ได้เร็ว 
  • คลอโรฟิลล์ มีฤทธิ์ชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย 
  • คลอโรฟิลล์ ช่วยฟื้นฟูระบบหมุนเวียนของเลือดได้ดี 
  • ธาตุแม็กนีเซียม ในคลอโรฟิลล์ ช่วยฟื้นฟู สมรรถภาพทางเพศได้ 
  • สามารถสกัดคลอโรฟิลล์จากพืชได้หลายชนิด แต่พบว่า คลอโรฟิลล์จาก Wheatgrass เหนือว่า เพราะมีสารประกอบไม่ต่ำกว่า 100 ตัวที่มนุษย์สามารถใช้ประโยชน์ได้ 
  • มีการวิจัยพบว่าน้ำคั้น Wheatgrass ช่วยยืดอายุสัตว์กินพืชได้ 
  • คลอโรฟิลล์ ช่วยล้างพิษจากยาและสารเคมี ออกจากร่างกาย 
  • คลอโรฟิลล์ ช่วยทำความสะอาดตับ 
  • คลอโรฟิลล์ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด 
  • Wheatgrass ช่วยรักษาสิว และทำให้แผลเป็นเล็กลง 
  • Wheatgrass ช่วยให้ ผมดกดำ 
  • Wheatgrass ช่วยลดกลิ่นตัว 
  • Wheatgrass ช่วยลดฟันผุ 
  • Wheatgrass เมื่อนำมาอมไว้ 5 นาที จะช่วยลดอาการอักเสบ ของเหงือกได้
  • Wheatgrass กลั้วคอช่วยลดอาการเจ็บคอ จะช่วยลดกลิ่นปาก 
  • Wheatgrass ช่วยระบบย่อยอาหาร 
  • Wheatgrass ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก 
  • Wheatgrass ช่วยลดความดันเลือด และช่วยขยายหลอดเลือดฝอย 
  • Wheatgrass กำจัดโลหะหนักจากร่างกาย 
  • Wheatgrass อุดมไปด้วยเอนไซม์ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย 
  • Wheatgrass ช่วยระบบเลือดไหลหมุนเวียนดีขึ้น

5/17/2554

Promote good health as a Bizzoe independent distributor of wheatgrass and e-learning games

Are you looking for a home business you can be proud of?
A business where you can set your pace and your schedule; share with your friends and family; build a solid business foundation in a business that allows you to participate in health and wellness. Live from pay check to pay check…

Would partnership in a fast growing company excite you?
Especially a company that provides unique health products with an amazing opportunity plan that allows you to be healthy, wealthy and prosperous? Envision yourself your own boss where you can establish an online presence with amazing virtual and health products. Can you imagine being a distributor for a company that provides you with all the marketing tools you need- including a personal website; keeps you up to date through conference calls, media calls, emails, etc. IF the answer is yes, you are the perfect person to be.


If you want to know more about the business and how it can work for you or simply you want to take control of your own health issues then consider getting in touch and asking me more about the Bizzoe Business and the products itself. As we have said to everybody, there is no point having a business with a useless product. Bizzoe’s products are truly amazing to build a business around but also to build a lifestyle around.
For more info and details, Contact us : karn.bizzoe@gmail.com

Bizzoe’s vision through E-learning…

Video games and the future of learning

Will video games change the way we learn? We argue here for a particular view of games—and of learning—as activities that are most powerful when they are personally meaningful, experiential, social, and epistemological all at the same time. From this perspective, we describe an approach to the design of learning environments that builds on the educational properties of games, but deeply grounds them within a theory of learning appropriate for an age marked by the power of new technologies. We argue that to understand the future of learning, we have to look beyond schools to the emerging arena of video games.

We suggest that video games matter because they present players with simulated worlds: worlds which, if well constructed, are not just about facts or isolated skills, but embody particular social practices. Video games thus make it possible for players to participate in valued communities of practice and as a result develop the ways of thinking that organize those practices. Most educational games to date have been produced in the absence of any coherent theory of learning or underlying body of research. We argue here for such a theory—and for research that addresses the important questions about this relatively new medium that such a theory implies.

Computers are changing our world: how we work… how we shop… how we entertain ourselves… how we communicate… how we engage in politics… how we care for our health…. The list goes on and on. But will computers change the way we learn? We answer: Yes. Computers are already changing the way we learn—and if you want to understand how, look at video games. Look at video games, not because games that are currently available are going to replace schools as we know them any time soon, but because they give a glimpse of how we might create new and more powerful ways to learn in schools, communities, and workplaces—new ways to learn for a new information age. Look at video games because, although they are wildly popular with adolescents and young adults, they are more than just toys. Look at video games because they create new social and cultural worlds: worlds that help people learn by integrating thinking, social interaction, and technology, all in service of doing things they care about.

We want to be clear from the start that video games are no panacea. Like books and movies, they can be used in anti-social ways. Games are inherently simplifications of reality, and current games often incorporate—or are based on—violent and sometimes misogynistic themes. Critics suggest that the lessons people learn from playing video games as they currently exist are not always desirable. But even the harshest critics agree that we learn something from playing video games. The question is: how can we use the power of video games as a constructive force in schools, homes, and at work? In answer to that question, we argue here for a particular view of games—and of learning—as activities that are most powerful when they are personally meaningful, experiential, social, and epistemological all at the same time. From this perspective, we describe an approach to the design of learning environments that builds on the educational properties of games, but deeply grounds them within a theory of learning appropriate for an age marked by the power of new technologies.

Video games as virtual worlds for learning

The first step towards understanding how video games can (and we argue, will) transform education is changing the widely shared perspective that games are “mere entertainment.” More than a multi-billion dollar industry, more than a compelling toy for both children and adults, more than a route to computer literacy, video games are important because they let people participate in new worlds. They let players think, talk, and act—they let players inhabit—roles otherwise inaccessible to them.

Bizzoe believes in the power of the internet and letting people participate in new worlds through educational games, e-books, e-learning and productivity tools. To found out more
about Bizzoe’s vision and e-learning games, click here.

Reference:
An excerpt from :” Relation of education to online games” December 2004, David Williamson Shaffer, Kurt R. Squire, Richard Halverson, James P. Gee University of Wisconsin-Madison and Academic Advanced Distributed Learning Co-Laboratory.

Let’s talk about health and wealth

BIZZOE INTERNATIONAL CORPORATION


WHAT IF there is an opportunity that allows you to have a global business in the comforts of your own home? WHAT IF the right company is staring at you? The hardest person to convince is YOURSELF but ... your guess is as good as mine!

==============================================

Are you Looking for:

* A Global Business
* Financial Freedom
* Excellent company support
* Minimum skills required

The RIGHT opportunity is STARING at YOU !! 

Our Mission is to Provide People a Global Business that they would be proud to own By Developing, Training, Coaching, and Mentoring Leaders, and by providing excellent products and services that will benefit families and community.

Bizzoe stands for “Biz” which means business and “Zoe” which is a Greek word that denotes “Life”. Hence, the “Business of Life”. As the name implies, we want to help people not just become wealthy but prosperous in every area of life.

To know more  about Bizzoe opportunity, click here.

How wheatgrass is good for woman’s health?

There are so many benefits for including wheatgrass in your diet that it’s almost impossible to hear from a health expert anymore without them saying something about them. Considering that we are all living longer, taking care of our bodies has become a national obsession, with good reason! There are now people living very active lives well into their 90s, and since we know that quality of life is a huge factor in determining how long we live, we have to pay special attention to how we are treating ourselves, and our children.

That’s where wheatgrass comes in places. Many women have a problem with low iron in their blood (anemia). Wheatgrass will raise iron levels. Besides iron, this ‘Super Food’ is also rich in 9 other minerals, 13 vitamins, 17 amino acids, Chlorophyll & Fiber and packed with more than 100 types of enzymes.

Wheatgrass also can do wonders for one’s skin and health.  wheatgrass has the ability to detoxify the body. This means you can bid goodbye to acne, and have beautiful, glowing skin. It has been found that it helps in providing one with a everlasting younger look as it helps in preventing aging along with aiding in the maintaining a shine on one’s skin. It may help in preventing the formation of dark circles around the eyes.  wheatgrass has the ability to detoxify the body. This means you can bid goodbye to acne or other skin disorders, and have beautiful, glowing skin. In addition, wheatgrass juice can help you in providing you with a beautiful vision as it helps improving the health and vision of one’s eyes.

One of the important wheatgrass juice benefits is for the hair. Its vitamins and minerals give wheatgrass the ability to restore hair to its normal color. This means if you are suffering from premature graying, wheatgrass is the perfect solution for your problem. People have also experienced the benefits of wheatgrass for dandruff, because it has detoxifying abilities.

The chlorophyll content in wheatgrass may aid in the prevention of cancer. Chlorophyll has the ability to destroy carcinogens, that are responsible for the growth and multiplication of cancerous cells. But, solely depending on the consumption of wheatgrass juice to fight cancer is not advised. You should always seek the advice of healthcare professionals concerning cancer treatments.


Wheatgrass benefits weight loss too. It is highly fibrious , so it is very filling, meaning it will reduce your appetite considerably when you take it.
Wheatgrass juice also has the ability to stabilize blood pressure levels, thereby reducing the risk of heart disease.

These benefits of wheatgrass can be beneficial to woman’s health. But the list doesn’t stop, all major benefits of wheatgrass can be found here.
Each sachet of Bizzoe wheatgrass comes with alfalfa. To read about the benefits of alfalfa, click here.
To found out more about the ‘power of Chlorophyll’, click here.
To become a distributor of Bizzoe wheatgrass and coffee with wheatgrass and its amazing opportunity, go to the Bizzoe’s website.
One should get into the healthy habit of consuming wheatgrass juice to attain a healthy and happy life. 

5/16/2554

คลอโรฟิลล์ คืออะไร?

คลอโรฟิลล์ คืออะไร คลอโรฟิลล์ เป็น pigment ที่พบในพืชที่มีสีเขียวและใช้ในการสังเคราะห์แสงของพืช โครงสร้างนั้นคล้ายคลึงกับ Hemeในเม็ดเลือดแดงซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเลือด มีงานวิจัยสรุปออกมาว่า เมื่อร่างกายได้รับคลอโรฟิลล์ บางส่วนของคลอโรฟิลล์จะถูกเปลี่ยนเป็น Heme ทำให้ร่างกายมีปริมาณเลือดที่ถูกสร้างขึ้นใหม่เพิ่มมากขึ้น และในคลอโรฟิลล์มีแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย

ประโยชน์ของคลอโรฟิลล์ - ช่วยในกระบวนการล้างสารพิษในเลือด และขจัดของเสียสะสมในร่างกาย ทำให้ สุขภาพดีขึ้น - ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ฟอกเลือดให้สะอาด - ช่วยฟื้นฟูการทำงานของตับ - ลดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบตัน ลดปัญหาเส้นเลือดขอด - เสริมสร้างภูมคุ้มกัน ลดรอยคล้ำใต้ตา ใบหน้าหมองคล้ำ - ช่วยแก้ปัญหากระเพาะลำไส้อักเสบ ช่วยสมานแผลเปื่อย - ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน ปวดศีรษะ ปวดไมเกรน - ดับกลิ่นตัว กลิ่นปาก กลิ่นเท้า - ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย - รักษาแผลอักเสบ แผลเปื่อย แผลถลอก แผลโดนไฟ - เหงือกอักเสบ หรือแผลในปาก ทำให้หายเร็วขึ้น - ช่วยลดรอยคล้ำรอบดวงตา - ลดอาการภูมิแพ้ ผื่นลมพิษ แพ้อากาศ โรคหอบหืด - ปรับสมดุลกรดด่าง ในโรคเก๊าท์ รูห์มาตอยด์ เบาหวาน แผลริดสีดวง ผู้ดื่มสุรา

อัลฟัลฟา หญ้ามหัศจรรย์ Alfalfa

อัลฟัลฟา แปลว่า บิดาของอาหารทุกชนิด (Father of All Foods)
ความ พิเศษของหญ้าอัลฟัลฟา ด้วยการมีรากที่หยั่งลึกลงไปใต้ดินได้ลึกมากจนไม่มีรากของพืชชนิดใดสามารถ หยั่งลงลึกเท่านี้ได้ อัลฟัลฟา จึงสามารถดูดซึมเอาแร่ธาตุนานาชนิดใต้ชั้นดินลึก ๆ นี้ไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม
Alfalfa บิดาของอาหารทุกชนิด
“อัลฟัล ฟา” ประกอบด้วย ไวตามินที่มีประโยชน์มากมายหลายชนิด ใน “ อัลฟัลฟา ” 100 กรัม มีไวตามิน เอ 8,000 ยูนิต และยังมีไวตามินเค ตามธรรมชาติ เป็นปริมาณสูงอีกด้วย ซึ่งช่วยในการแข็งตัวของเลือด “อัลฟัลฟา” มีไวตามิน เค สูงถึง 20,000 – 40,000 ยูนิต ในอัลฟัลฟา 100 กรัม “ อัลฟัลฟา ” ยังอุดมไปด้วยไวตามินดี แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส ปอแตสเซียม คลอรีน ซิลิคอน แมกนีเซียม ไวตามินบี คอมแพลกซ์ อิโนซินอล, โฟลิคแอซิคและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการเพียงเล็กน้อยอีกหลายชนิด
ใน อัลฟัลฟา มีคลอโรฟิลล์สูง และมีคุณสมบัติจัดเป็นพืชที่ให้ เอสโตรเจนธรรมชาติรวมไปถึง เอ็นไซม์ถึง 8 ชนิด ดร. แฟรงค์ โบเออร์ นักชีววิทยา ผู้เขียนตำราเกี่ยวกับโภชนาการที่มีชื่อของสหรัฐถึงกับให้ฉายาของ “ หญ้า อัลฟัลฟา ” นี้ว่า “ยารักษาโรคที่มหัศจรรย์”
Alfalfa กับการใช้เพื่อสุขภาพ
Alfalfa ทำความสะอาดผิวจากภายใน
คลอ โรฟิลล์ ปริมาณสูง, ไวตามินและแร่ธาตุที่มีอยู่ในอัลฟัลฟาด้วยปริมาณที่เหมาะสม จะทำหน้าที่ขจัดของเสีย สารพิษออกจากเลือดและอวัยวะภายใน (Blood and Bowel cleanser) ลดการตกค้างของเสียตามผิดหนัง ใน อัลฟัลฟา ยังมีสาร ไฟโต-เอสโตรเจน ช่วยปรับสมดุลย์ฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งพบว่าในคนที่มีสิวง่าย เมื่อรับประทานอัลฟัลฟาปริมาณการเกิดสิวจะลดลงและผิวจะแลดูสะอาดขึ้น
Alfalfa กับ โรคกระเพาะอาหาร
เมื่อ หมอจำนวนมากที่ใช้อัลฟัลฟา รักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารต่าง ๆ เช่นมีแก๊สมากในกระเพาะอาหารเกิดอาการแน่นจุกเสียดเป็นประจำ โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer) และ โรคเบื่ออาหาร โดยพบว่า อัลฟัลฟา มีไวตามิน ยู ซึ่ง ดร. กาเนทท์ ประจำมหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด กล่าวว่า ไวตามิน ยู นี้มีศักยภาพสูงในการรักษาโรคกระเพาะ (Peptic ulcer) ทำให้การสมานแผลในกระเพาะดีขึ้น และการหลั่งของน้ำย่อยเป็นปกติ
ปวด ข้อ ข้อแข็ง รูมาตอยด์ แก้ไขได้ด้วยอัลฟัลฟา
สารอาหารในอัลฟัลฟา จะช่วยปรับสมดุลย์ กรด-ด่าง ในร่างกาย ป้องกันการสะสมของ กรดยูริค และกรดอื่น ๆ ตามข้อต่อต่าง ๆ ในหนังสือของ แคทเทอรีน เอลวูล ชื่อ “Feel Like a Million” ได้กล่าวว่า “ความมหัศจรรย์ของ อัลฟัลฟา เห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เมื่อให้คนไข้รูมาตอยส์ ใช้ อัลฟัลฟา เพื่อรักษาความปวดตามข้อ ก็ได้รับรายงานจากคนไข้ว่าเขาสามารถงอมือได้สะดวกยิ่งขึ้น และความเจ็บปวดก็หายไป
อัลฟัลฟา มีเอ็นไซม์ เบต้าอีน (Bataine Enzyme) ซึ่งเป็นเอ็นไซม์สำหรับย่อยและเอ็นไซม์อื่น ๆ อีก 7 ชนิดที่ส่งเสริมปฏิกิริยาเคมี ที่สามารถทำให้การดูดซึมสารอาหารภายในร่างกายเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมทั้งการมีเบต้า-แคโรทีนในปริมาณสูง ของ Alfalfa จะทำให้ ผิดที่เคลือบกระเพาะอาหารมีความแข็งแรง ซึ่งพบว่า อัลฟัลฟา สามารถช่วยโรคกระเพาะอาหาร ปวดท้องเพราะมีแก๊สมาก รักษาแผลในกระเพาะ-ลำไส้ ได้เป็นอย่างดี การรักษาโรคของหญ้าอัลฟัลฟานี้ อาจจะเป็นลักษณะเดียวกันกับวิธีธรรมชาติ เช่นเดียวกับที่สุนัขและแมว จะกินหญ้าเพื่อรักษาโรคกระเพาะของมันได้
สตรี วัยใกล้หมดประจำเดือน ควรรับประทาน Alfalfa เป็นประจำ
อัลฟัลฟา ถูกจัดเป็นเอสโตรเจนธรรมชาติ (phytooestrogen) สตรีในวัยใกล้หมดประจำเดือน เอสโตรเจนจะลดต่ำลงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายและภาวะกระดูก เสื่อม ไฟโต-เอสโตรเจน ในอัลฟัลฟา จะเข้าไปชดเชยเอสโตรเจนที่ต่ำลงนี้ รวมทั้ง ไวตามินดี แร่ธาตุ แคลเซียมและฟอสฟอรัส ในอัลฟัลฟาซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทำให้กระดูกฟันแข็งแรง จึงลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกระดูกเสื่อม นอกจากนี้ ไวตามินและแร่ธาตุในอัลฟัลฟา จะช่วยให้ร่างกายปรับสภาพได้อย่างเหมาะสม ลดอาการผิดปรกติในช่วงนี้ เช่น ร้อนวูบวาบตามตัว หงุดหงิดง่ายลงด้วย
นอกจากนี้ อัลฟัลฟา ยังดีสำหรับมารดาที่กำลังให้นมบุตรช่วยเพิ่มการหลั่งของน้ำนม อัลฟัลฟา ยังมีคุณสมบัติในการช่วยขับถ่าย ปัสสาวะให้เป็นปกติ
ฉะนั้น เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักโภชนาการจึงได้ให้สมญานาม “ อัลฟัลฟา ” ว่าเป็น “หญ้ามหัศจรรย์” ที่ใช้เป็นยารักษาโรคต่าง ๆ อย่างได้ผล

ประโยชน์ด้านอื่นๆ ของ อัลฟัลฟา (Alfalfa)

อัลฟัลฟา (Alfalfa) กับภาวะ คลอเลสเตอรอล สูง
จาก การศึกษาในห้องทดลองพบว่า สาร saponin และส่วนประกอบอื่นใน อัลฟัลฟา (Alfalfa) มีความสามารถในการยึดติดใน คลอเลสเตอรอล กับเกลือน้ำดีซึ่งจะเป็นผลช่วยป้องกันหรือชลอการดูดซึม คลอเลสเตอรอล จากอาหาร ดังนั้นจึงช่วยให้ระดับ คลอเลสเตอรอล ในเลือดต่ำ ป้องกันการเกิดภาวะการสะสมไขมันในหลอดเลือด ในการศึกษาผู้ป่วย 15 คน โดยให้ อัลฟัลฟา (Alfalfa) ขนาด 40 กรัม 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่า คนไข้มีระดับ คลอเลสเตอรอล รวมและ คลอเลสเตอรอล แบบ LDL (คลอเลสเตอรอล ชนิดเป็นโทษ) ลดลง 17-18% ในขณะที่มีบางส่วนลดลงถึง 26-30% จึงอาจกล่าวได้ว่า อัลฟัลฟา (Alfalfa) มีส่วนช่วยในการควบคุมระดับความเข้มข้นของ คลอเลสเตอรอล ให้เป็นปกติ

อัล ฟัลฟา (Alfalfa) กับการใช้เพื่อสุขภาพสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือน
สตรี วัยใกล้หมดประจำเดือน ควรรับประทาน อัลฟัลฟา (Alfalfa) เป็นประจำ
สาร isoflavone ใน อัลฟัลฟา (Alfalfa) ถูกจัดเป็นเอสโตรเจนธรรมชาติ (phytooestrogen) ในสตรีในวันใกล้หมดประจำเดือน เอสโตรเจนจะลดต่ำลงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายและภาวะกระดูก เสื่อม ไฟโต-เอสโตรเจนใน อัลฟัลฟา (Alfalfa) จะเข้าไปชดเชยเอสโตรเจนที่ต่ำลงนี้ รวมทั้ง วิตามินดี แร่ธาตุ แคลเซียมและฟอสฟอรัส ใน อัลฟัลฟา (Alfalfa) ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทำให้กระดูกฟันแข็งแรง จึงลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกระดูกเสื่อม นอกจากนี้วิตามินและแร่ธาตุใน อัลฟัลฟา (Alfalfa) จะช่วยให้ร่างกายปรับสภาพได้อย่างเหมาะสม ลดอาการผิดปรกติในช่วงนี้ของอายุ เช่น อาการร้อนวูบวาบตามตัว หงุดหงิดง่ายลงด้วย

อัลฟัลฟา (Alfalfa) ช่วยทำความสะอาดผิวจากภายใน
ครอโรฟิลล์ ปริมาณสูง วิตามิน และแร่ธาตุที่มีอยู่ใน อัลฟัลฟา (Alfalfa) ด้วยปริมาณที่เหมาะสม จะทำหน้าที่ขจัดของเสีย สารพิษออกจากเลือดและอวัยวะภายใน (Blood and Bowel cleanser) ลดการตกค้างของเสียตามผิวหนัง ทำให้เลือดสะอาดและไหลเวียนได้ดีขึ้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รับประทาน มากและชอบรับประทานเนื้อสัตว์ เมื่อเลือดดีขึ้นทำให้ผิวพรรณผ่องใสมี สุขภาพ ที่ดีตามมา นอกจากนี้ใน อัลฟัลฟา (Alfalfa) ยังมีสาร ไฟโต-เอสโตรเจน ช่วยปรับสมดุลย์ฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งพบว่าในคนที่มีสิวง่าย เมื่อรับประทาน อัลฟัลฟา (Alfalfa) ปริมาณการเกิดสิวจะลดลงและผิวจะดูสะอาดขึ้น

อัล ฟัลฟา (Alfalfa) กับ โรคกระเพาะอาหาร
มีแพทย์จำนวนมากที่ ใช้ อัลฟัลฟา (Alfalfa) รักษาโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารต่าง เช่น มีแก๊สมากในกระเพาะอาหารเกิดอาการจุกเสียดเป็นประจำ โรคแผลในกระเพาะอาหาร และโรคเบื่ออาหาร โดยพบว่า อัลฟัลฟา (Alfalfa) มี วิตามินยู ซึ่ง ดร. กาเนนท์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด กล่าวว่า วิตามินยู มีศักยภาพสูงในการรักษาโรคกระเพาะ ทำให้การสมานแผลในกระเพาะดีขึ้น และการหลั่งของน้ำย่อยเป็นปกติ

อัลฟัลฟา (Alfalfa) ยังมีเอ็นไซม์ Bataine ซึ่งเป็นเอ็นไซม์สำหรับย่อยและเอ็นไซม์อื่น ๆ อีก 7 ชนิดที่ส่งเสริมปฏิกิริยาเคมีที่สามารถทำให้การดูดซึมสารอาหารภายในร่างกาย เป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมทั้งการมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูงของ อัลฟัลฟา (Alfalfa) จะทำให้ผิวที่เคลือบกระเพาะอาหารมีความแข็งแรง ซึ่งพบว่า อัลฟัลฟา (Alfalfa) สามารถช่วยโรคกระเพาะอาหาร ปวดท้องเพราะมีแก๊สมาก รักษาแผลในกระเพาะลำไส้ ได้เป็นอย่างดี การรักษาโรคของหญ้า อัลฟัลฟา (Alfalfa) นี้อาจจะเป็นในลักษณะเดียวกันกับวิธีทางธรรมชาติของแมวหรือสุนัข ที่มักจะกินหญ้าเพื่อบรรเทาโรคกระเพาะของมันได้
ปวดข้อ ข้อแข็ง รูมาตอยด์ แก้ไขได้ด้วย อัลฟัลฟา (Alfalfa)
สาร อาหารใน อัลฟัลฟา (Alfalfa) จะช่วยปรับสมดุลย์ กรด-ด่าง ในร่างกาย ป้องกันการสะสมของกรดยูริคและกรดอื่น ๆ ตามข้อต่อต่าง ๆ ในหนังสือของ แคทเทอรีน เอลวูล ชื่อ Feel Like a Million ได้กล่าวว่า “ความมหัศจรรย์ของ อัลฟัลฟา (Alfalfa) เห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เมื่อให้คนไข้รูมาตอยด์ ใช้ อัลฟัลฟา (Alfalfa) เพื่อรักษาความปวดตามข้อ ก็ได้รับรายงานจากคนไข้ว่าสามารถงอมือได้สะดวกยิ่งขึ้นและความเจ็บปวดก็หาย ไป

นอกจากนี้ อัลฟัลฟา (Alfalfa) ยังดีสำหรับมารดาที่กำลังให้นมบุตร ช่วยเพิ่มการหลั่งของน้ำนม อัลฟัลฟา (Alfalfa) ยังมีคุณสมบัติในการช่วยขับถ่าย ปัสสาวะให้เป็นปกติได้อีกด้วย
อัล ฟัลฟา (Alfalfa) กับโรค มะเร็ง
มีการศึกษาทั้งในมนุษย์ สัตว์ และระบบเชื้อเพาะเลี้ยงพบว่า สาร phytoestrogens มีบทบาทที่สำคัญในการป้องกันโรคมะเร็งได้ โดยสารที่จัดว่าเป็นสารประเภท phytoestrogens จะรวมถึง isoflavones, coumestans, และ lignans ซึ่งในหน่อของ อัลฟัลฟา (Alfalfa) ถั่วเหลือง และต้น clover ถือว่าเป็นแหล่งอาหารทางธรรมชาติที่สำคัญของสารดังกล่าว ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีข้อแนะนำในขนาดที่ควรรับประทานสาร phytoestrogens อย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามการเพิ่มการบริโภคอาหารประเภทดังกล่าวจะก่อประโยชน์และ ป้องกันการเกิดโรค มะเร็ง ในร่างกายเราได้เป็นอย่างดี

Alfalfa กับประโยชน์ต่อร่างกาย

ประโยชน์ หลักของ Alfalfa ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายคือ
ใช้ เพื่อสุขภาพสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือน
ภาวะคลอเรสเตอรอลสูง
อย่าง ไรก็ตาม กรดอะมิโน ที่จำเป็นที่อยู่ในใบของ Alfalfa จะช่วยให้การทำงานของระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดี อีกทั้งยังเป็นยาระบายและยาขับปัสสาวะทางธรรมชาติที่ดี มักใช้ Alfalfa เพื่อการบำบัดอาการติดเชื้อทางปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะ และอาการเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก และยังช่วยขจัดพิษในร่างกายโดยเฉพาะในตับได้อีกด้วย
นอกจากนี้ Alfalfa ยังบรรจุไปด้วย วิตามิน และสารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของร่างกายมากมาย เช่น
- วิตามิน K ใน Alfalfa จะช่วยป้องกันอาการคลื่นเหียน อยากอาเจียนได้
- Alfalfa ยังมีสาร fluoride และ แคลเซียม ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงในกระดูก และป้องกันฟันผุ
- ส่วนสาร betacareotene ยังเป็นประโยชน์ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันโรค ผิวหนังและเยื่อบุผิวให้มี สุขภาพ ที่ดี
- Alfalfa อุดมไปด้วย แคลเซียม วิตามิน C ,B12 และ bioflavinoid ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่มีประโยชน์ต่อผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัตเป็นอย่าง มาก
- สาร saponin ที่พบใน Alfalfa มีลักษณะเดียวกันกับที่พบในราก โสม ซึ่งอาจช่วยหรือส่งเสริมให้การทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อหัวใจทำงาน ได้อย่างเหมาะสม
- สาร Chlorophyll จะช่วยในการดับกลิ่นปากและกลิ่นตัว ต่อต้านความเป็นกรดเปรี้ยวของร่างกาย และช่วยดูแลแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยในการย่อยภายในลำไส้อีกด้วย
- ไฟเบอร์ตามธรรมชาติที่มีอยู่มากใน Alfalfa จะช่วยฟื้นฟูภาวะลำไส้อ่อนแอ นอกจากนี้ ไฟเบอร์ ยังช่วยในการลำเลียงของเสียที่อยู่ภายในลำไส้ออกจากระบบได้เป็นอย่างดี ทำให้หลอดลำไส้มีสุขภาพที่ดีขึ้น
- Alfalfa ยังมีส่วนช่วยฟื้นฟู บรรเทาคนไข้ที่อยู่ในภาวะติดสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ได้
- Alfalfa มีสาร carotene ที่ช่วยสร้างหรือซ่อมแซมเซลล์ภายในร่างกายใหม่ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่เป็นโรค มะเร็ง ที่ต้องการฟื้นฟูเซลล์ที่ถูกทำลายไป

Alfalfa คืออะไร

Alfalfa (Lucene) จัดเป็นพืชจำพวกตระกูลถั่วที่มีฝัก เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียตะวันตก และแถบเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก เป็นพืชชนิดแรก ๆ ที่ใช้เพื่อการเพาะปลูก เติบโตได้ในแถบทุกอากาศทั่วโลก Alfalfa มีระบบรากที่มหัศจรรย์มาก ในบางพื้นที่รากของ Alfalfa สามารถชอนไชลงไปได้ลึกกว่า 130 ฟุต จึงมีประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารได้มากกว่าและบริสุทธิ์กว่า อีกทั้งตัวของ Alfalfa เองก็จะไม่สะสมสารพิษ ชาวอาหรับโบราณรู้จักใช้ประโยชน์จาก “Alfalfa” มากว่า 2,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยใช้เป็นพืชเลี้ยงสัตว์ เพื่อเพิ่มความเร็วและแข็งแรงให้กับม้า อีกทั้งยังใช้ใบมาตากแห้งชงเป็นชาดื่ม ด้วยคุณค่าทางอาหารที่มากมายชาวอาหรับจึงขนานนาม Alfalfa ให้เป็น AL-FAS-FAH-SHA หรือ “ราชาแห่งอาหารทั้งมวล”
Alfalfa ได้ถูกใช้เพื่อการรักษาทางการแพทย์มาตั้งแต่ในสมัยโบราณ โดยแพทย์ชาวจีนได้ใช้ใบ Alfalfa อ่อนในการรักษาอาการย่อยไม่ปกติ เช่นเดียวกันกับแพทย์ชาวอินเดียที่ใช้ใบ และดอกสำหรับการรักษากระบวนการย่อยทำงานที่ทำงานได้น้อย นอกจากนี้ Alfalfa ยังใช้เพื่อการบำบัดโรคข้อต่ออักเสบ ชาวอินเดียนในอเมริกาเหนือได้แนะนำให้ใช้ Alfalfa ในการรักษาโรคดีซ่าน และช่วยสนับสนุนการจับตัวของเลือด แพทย์ที่ใช้สมุนไพรเพื่อการบำบัดในสหรัฐอเมริการได้แนะนำให้ใช้ Alfalfa เป็นยาสำหรับอาการย่อยไม่เป็นปกติ ภาวะโลหิตจาง เบื่ออาหารและอาการการดูดซึมอาหารไม่ดี นอกจากนี้ยังแนะนำว่า Alfalfa มีส่วนกระตุ้นให้การหลั่งน้ำนมในแม่ดีขึ้นอีกด้วย

สาร ที่ประกอบอยู่ใน Alfalfa

ด้วยระบบรากที่มีประสิทธิภาพในการดูด ซึมธาตุอาหารมากกว่าพืชชนิดใด ๆ เป็นผลให้ Alfalfa เป็นพืชที่มีส่วนประกอบของสารต่าง ๆ มากมาย มี กรดอะมิโน ที่จำเป็นต่อร่างกายถึง 8 ชนิด เช่น lsoleucine, Leucine, Lysine, Methionine เป็นต้น ซึ่งเป็น กรดอะมิโน ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ แต่จำเป็นต้องมีไว้เพื่อประโยชน์ในการสร้างเซลล์ใหม่ อีกทั้ง Alfalfa ยังมีวิตามินอีกมากมาย รวมถึง วิตามิน A, B1, B6, B8, B12, C, D, E, K, P และ U รวมทั้งยังประกอบไปด้วยเกลือแร่อีกหลากชนิด เช่น ฟอสฟอรัส โปรแตสเซียม แคลเซียม สังกะสี เซเลเนียม และแมกนีเซียม เป็นต้น และยังมีเอนไซม์หลักอีกถึง 8 ชนิด คือ ไลเปส อาเมเลล โคกุเลส อีมูลซิน อินเวอร์เคส เปอร์อ๊อกซีเตส เพดติเนส โปรตีส นอกจากนี้ Alfalfa ยังมีส่วนประกอบของสารอื่น ๆ อีก เช่น Chlorophyll , flavone, isoflavone, sterol และ Saponin เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นสารที่ให้คุณต่อร่างกายด้วยกันทั้งนั้น

KING OF ALKALINE FOODS!

One on the most important benefits of wheat-grass is that regular consumption increases the alkaline level in the body. Wheat-grass has the highest alkaline levels in all foods and consuming it balances out the acidic level of the body. The natural ph of the human body is slightly alkaline in nature and is about 7.4. This level gets affected by the food we eat. Consuming acidifying foods causes this ph to get more acidic in nature and thus harm the body. On the other hand consuming alkaline foods makes the body more alkaline in nature and help live a healthy life as well as a long life. So grass is very beneficial to the body as far as maintaining the alkalinity of the body is concerned. 
Wheatgrass acid-neutralizing property is shown to be the highest at 66.4 megahertz as compared to spinach which ranked number two at 39.6 megahertz. Other analysis done on Wheatgrass revealed that it has high levels of bicarbonates, alkaline minerals, trace minerals and oxygen-rich chlorophyll which effectively neutralize acids in the body. This alkalizing property of wheatgrass has a lot to do with the many health benefits of wheatgrass.